00-20. 00 น. นะคะ ด้วยความห่วงใย จาก #โรงพยาบาลเฉพาะทางแม่และเด็กแพทย์รังสิต ----- ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมดีๆ จากกลุ่มโรงพยาบาลแพทย์รังสิตได้ที่ Inbox: Line: #patRangsit #โรงพยาบาลแพทย์รังสิต #โรงพยาบาลเฉพาะทางแม่และเด็กแพทย์รังสิต #จิตเวช #เด็ก #วัยรุ่น #Mother #Child #Hospital #อารมณ์ #ความโกรธ แชร์ไปยัง:
เป็นโรคเลือด โรคเลือด เช่น โรคเลือดไหลไม่หยุด หรือ ฮีโมฟีเลีย (Hemophilia) เป็นสาเหตุให้เลือดไม่ค่อยแข็งตัว จึงทำให้คุณเกิดรอยช้ำบ่อยๆ โดยไม่ทราบสาเหตุ ฉะนั้น หากคุณเกิดรอยช้ำกะทันหัน หรือมีรอยช้ำแบบไม่รู้ที่มาที่ไปบ่อยๆ ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที 7. ออกกำลังกายหนักเกินไป บางครั้งการออกกำลังกายแบบเข้มข้นหรือหนักหน่วง เช่น การยกน้ำหนัก การวิ่งมาราธอน อาจทำให้ กล้ามเนื้อ ของคุณทำงานหนักและตึงเกินไป จนเป็นเหตุให้หลอดเลือดแดงฉีกขาดและเกิดเป็นรอยช้ำได้ในที่สุด อีกทั้งการออกกำลังกายยังทำให้เกิดการฉีกขาดในระดับเนื้อเยื่อของเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อ ซึ่งสามารถทำให้เกิดรอยช้ำได้เช่นกัน และนอกจากเรื่องของกล้ามเนื้อที่กล่าวมาแล้ว ระหว่างออกกำลังกาย คุณอาจเผลอกระแทกกับอุปกรณ์ต่างๆ จนเกิดเป็นรอยช้ำได้ด้วย 8. ดื่มหนัก การเกิดรอย ฟกช้ำ เพราะดื่มหนักในที่นี่ไม่ได้หมายถึงการที่คุณ ดื่มแอลกอฮอล์ หนักจนเมาแล้วเผลอชนโน่นนี่จนเป็นรอยช้ำ แต่การที่คุณดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปแล้วเกิดรอยช้ำง่าย นั่นอาจเป็นสัญญาณว่า ตับของคุณกำลังมีปัญหา เช่น โรคตับแข็ง เพราะตับมีหน้าที่สร้างโปรตีนที่จำเป็นต่อการแข็งตัวของเลือด เมื่อตับทำงานผิดปกติ ไม่สร้างโปรตีนตามที่ควร คุณจึงมีเลือดออกหรือมีรอยช้ำง่ายกว่าปกติ ถือเป็นอาการเจ็บป่วยร้ายแรงควรรีบปรึกษาแพทย์ 9.
ตัวซีด จนมีคนทักว่าซีดลง (หน้าซีด เยื่อบุตาซีด และริมฝีปากซีด) โดยไม่มีไข้ 2. ตัวเหลืองจนสังเกตเห็นได้ชัด 3. เหนื่อยง่ายกว่าปกติ โดยเฉพาะขณะออกแรง 4. อ่อนเพลีย 5. เบื่ออาหาร 6. หน้ามืด วิงเวียน 7. หงุดหงิดง่าย อารมณ์แปรปรวน 8.
ระเบิดความโกรธ ปัญหาที่พ่อ-แม่ ต้องรีบแก้ไข โดย พญ.
รอยช้ำ หรือ ฟกช้ำ คือการบาดเจ็บที่เนื้อเยื่ออ่อน ซึ่งเป็นผลมาจากการฉีกขาดของหลอดเลือดฝอย และหลอดเลือดแดงที่อยู่ลึกลงไปใต้ชั้นผิวหนัง จนเลือดมาคั่งอยู่ใต้ชั้นผิวหนังชั้นนอก ทำให้เห็นเป็นรอยคล้ำดำเขียว รอยช้ำสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน คุณอาจเผลอเตะประตู เดินชนขาโต๊ะ ผ่านไปไม่นานบริเวณนั้นก็กลายเป็นรอยช้ำ แต่บางคนอาจมีรอยช้ำเกิดขึ้นบนร่างกาย โดยที่ไม่ทราบสาเหตุ หากเป็นเช่นนั้น นั่นหมายความว่า คุณมีแนวโน้มเกิดรอยช้ำง่ายกว่าคนอื่น ซึ่งอาจเกิดได้จากสาเหตุเหล่านี้ สาเหตุของ รอยช้ำ 1. อายุที่มากขึ้น เมื่อคนเราอายุมากขึ้น ผิวหนังจะบางลง และสูญเสียชั้นไขมันใต้ผิวหนัง ที่ทำหน้าที่เสมือนเบาะคอยรองรับแรงกระแทก ร่างกายผลิต คอลลาเจน ลดลง อีกทั้งเส้นเลือดยังเปราะแตกง่ายขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุให้คุณมีโอกาสเกิดรอยช้ำได้ง่ายขึ้น 2. การรับประทานยาหรืออาหารเสริมบางชนิด ยาบางชนิด เช่น แอสไพริน ยาต้านการแข็งตัวของเลือด (Anticoagulants) ยาต้านเกล็ดเลือด (Anti-platelet drugs) ยาเจือจางเลือด (Blood thinner) หรืออาหารเสริมบางชนิด เช่น น้ำมันปลา สารสกัดใบแปะก๊วย จะไปลดความสามารถในการแข็งตัวของเลือด และทำให้คุณเกิดรอยช้ำได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยาในกลุ่มสเตียรอยด์ เช่น เพรดนิโซน (Prednisone) ก็เป็นสาเหตุให้หลอดเลือดบางลง และทำให้เกิดรอยช้ำง่ายขึ้นเช่นกัน หากคุณกินยาเหล่านี้แล้วพบรอยช้ำ อย่าหยุดกินยากะทันหัน แต่ควรปรึกษาแพทย์ทันที 3.
โรคที่ก่อให้เกิดภาวะทำลายเม็ดเลือดแดงในร่างกาย นอกจากโรคที่เกี่ยวข้องกับไขกระดูกแล้ว โรคในกลุ่มที่ส่งผลให้เม็ดเลือดแดงถูกทำลายได้ง่ายกว่าปกติ หรือมีอายุสั้นกว่าปกติ ที่พบได้บ่อยในไทยก็ได้แก่ - โรคธาลัสซีเมีย เป็นโรคถ่ายทอดทางพันธุกรรม อาจมีอาการโลหิตจางอย่างรวดเร็วเมื่อมีไข้ หรือบางรายอาจมีอาการตัวเหลือง ม้ามโต ตับโต มีภาวะโลหิตจางตั้งแต่อายุน้อย ๆ * ธาลัสซีเมีย โรคทางพันธุกรรมที่คนไทยเป็นพาหะกว่า 20 ล้านคน! - โรคเม็ดเลือดแดงแตกง่ายจากการขาดเอนไซม์ G-6PD หรือโรคแพ้ถั่วปากอ้า ผู้ป่วยจะมีความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับเม็ดเลือดแดงได้ง่ายกว่าคนทั่วไป โดยเฉพาะหากถูกกระตุ้นด้วยสารบางอย่างที่เม็ดเลือดแดงไม่อาจต้านทานได้ เช่น สารบางชนิดในถั่วปากอ้า เป็นต้น * โรคแพ้ถั่วปากอ้า G6PD อันตรายไหม เช็กอาการจากอะไรได้บ้าง - โรคเม็ดเลือดแดงแตกง่ายจากภาวะภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง ส่งผลให้เม็ดเลือดแดงถูกทำลาย โดยอาจพบโรคนี้ร่วมกับโรคทางระบบภูมิคุ้มกันอื่น ๆ - การติดเชื้อบางชนิด เช่น เชื้อมาลาเรีย คลอสติเดียม หรือเชื้อไมโคพลาสมา เป็นต้น 3. การเสียเลือด ภาวะเสียเลือดอย่างฉับพลันจากอุบัติเหตุ การตกเลือด หรือภาวะเสียเลือดเรื้อรัง เช่น เสียเลือดทางประจำเดือนในผู้หญิง เสียเลือดในทางเดินอาหารในผู้ชายและผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน เช่น มีแผลในกระเพาะอาหาร-ลำไส้ใหญ่ หรือเสียเลือดไปกับโรคริดสีดวงทวาร โดยส่วนใหญ่แล้วผู้ที่มีภาวะเสียเลือดมากมักจะมีภาวะขาดธาตุเหล็กร่วมด้วย โรคโลหิตจาง อาการเป็นอย่างไร ด้วยสาเหตุของโรคโลหิตจางหรือภาวะเลือดจางมีอยู่หลายสาเหตุด้วยกัน และอาการของผู้ป่วยโรคโลหิตจางในแต่ละสาเหตุอาจมีความแตกต่างกันไปตามรอยโรคนั้น ๆ ทว่าเราก็สามารถเช็กอาการโลหิตจางเบื้องต้นได้จากอาการต่อไปนี้ 1.
ฟกช้ำ จากการขาดวิตามินซี วิตามินซี เป็นสารอาหารที่จำเป็นในการเยียวยาและซ่อมแซมร่างกาย หากคุณได้รับวิตามินซีไม่เพียงพอ อาจทำให้คุณเกิดรอยช้ำได้ง่ายขึ้น การขาดวิตามินซี นอกจากจะทำให้คุณเป็นรอยช้ำง่ายแล้ว ยังทำให้แผลและรอยขีดข่วนต่างๆ หายได้ยากขึ้นอีกด้วย โดยปกติแล้ว การขาดวิตามินซีอย่างหนักเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยาก แต่ก็สามารถเกิดขึ้นได้หากคุณอายุมาก หรือ สูบบุหรี่ 4. ปัจจัยทางกรรมพันธุ์ หากสมาชิกในครอบครัวคุณมีแนวโน้มเกิดรอยช้ำง่าย คุณก็มีโอกาสเกิดรอยช้ำได้ง่ายเช่นกัน โดยเฉพาะเมื่อคุณเป็นผู้หญิง เพราะหลอดเลือดเปราะแตกง่ายกว่า จึงทำให้เกิดรอยช้ำง่ายกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะในบริเวณต้นแขน ต้นขา หรือก้น 5. ถูกทำร้ายจากแสงแดด ร่างกายเราควรได้รับแสงแดดอย่างเพียงพอ เพราะแสงแดดมีส่วนช่วยในการผลิต วิตามินดี และช่วยให้ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานได้อย่างเป็นปกติ แต่หากคุณได้รับแสงแดดมากเกินไป โดยเฉพาะรังสียูวีบี (UVB) ที่ทำให้ผิวไหม้แดด และสูญเสียความยืดหยุ่น ทั้งยังทำให้หลอดเลือดฝอยใต้ชั้นผิวหนังของคุณอ่อนแอลง จนทำให้คุณเกิดรอย ฟกช้ำ ได้ง่ายและเห็นได้ชัดเจนขึ้นนั่นเอง รอยช้ำที่เกิดจากแสงแดดนี้จะแตกต่างจากรอยช้ำที่เกิดจากการกระแทก เมื่อกดลงไปจะไม่นิ่มบุ๋ม และใช้เวลาในการรักษานานกว่า ส่วนใหญ่จะปรากฏที่มือและแขน 6.
เกร็ดความรู้ มี LINE แล้วนะ ติดตามเรื่องราวน่ารู้ สดใหม่ทุกวันผ่าน LINE ID @yip7695q สาระน่ารู้ 6 เคล็ดลับ กินอย่างไรให้ผอมเร็วทันใจ บอกลาความอ้วนด้วยการกินอย่างถูกวิธี คำว่า "ผอม" ในที่นี้คงไม่ได้ทำให้ใครจินตนาการถึงคนที่ผอมแห้งไม่แรงอยู่หรอกใช่ไหม นั่นเพราะกระแสที่มาแรงในตอนนี้เปลี่ยนจากการผอมที่ดูปลิวลมมาสู่การผอมแบบที่เรียกว่า ฟิตแอนด์เฟิร์ม แล้วอย่างไรก็ตามการออกกำลังกายอย่างเดียวอาจจะไม่เห็นผลชัดหรือเร็วเท่าที่ควร อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่เราต้องทำก็คือ การรับประทานอาหารให้ถูกวิธีนั่นเอง ซึ่งมีหลักการง่ายๆ ดังนี้ 1. ลดปริมาณการบริโภคคาร์โบไฮเดรตลง ในที่นี้ไม่ได้บอกว่าควรจะงดไปเลย เพราะร่างกายของเรายังจำเป็นที่จะต้องใช้น้ำตาลจากคาร์โบไฮเดรตมาเปลี่ยนเป็นพลังงานให้ร่างกายอยู่ แต่สิ่งที่เราต้องทำก็คือการจำกัดคาร์โบไฮเดรตที่บริโภคต่อวันลง …
การสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์นอกจากสามีภรรยาที่ต้องอยู่ด้วยกันแล้ว ครอบครัวจะสมบูรณ์ครบก็ต่อเมื่อมีอีกหนึ่งชีวิตน้อยๆ ที่กำลังจะลืมตาดูโลก ผู้หญิงคนไหนที่อยู่ในสถานะภรรยา มีครอบครัวที่พร้อม คงกำลังตั้งหน้าตั้งตารอวันที่จะมีเจ้าตัวน้อยมาวิ่งเล่นอยู่ในบ้าน เวลาผ่านไปอาจจะมีอาการบางอย่างมาทำให้คุณผู้หญิงหลายคนสงสัยว่าตัวเองกำลังตั้งครรภ์หรือไม่? ซึ่งอาการของคนกำลังตั้งครรภ์นั้นค่อนข้างซับซ้อน เพราะว่าแต่ละคนมีอาการที่มากน้อยไม่เท่ากัน แต่อาการที่เกิดขึ้นจะคล้ายๆ กันดังต่อไปนี้ 1. ประจำเดือนขาด เมื่อไข่ของคุณผู้หญิงได้รับการผสมจากอสุจิของคุณผู้ชาย จะมีการฝังตัวของตัวอ่อนที่มดลูกเกิดขึ้น ทำให้ไม่มีประจำเดือนออกมา อาการเริ่มแรกที่คุณผู้หญิงสามารถสังเกตตัวเองได้ก็คือเรื่องของประจำเดือน แม้ขาดหรือว่าเกินกำหนดไปเพียงแค่วันเดียวก็สามารถตรวจสอบได้แล้ว 2. อาการอ่อนเพลีย อยากนอน อยากพักผ่อนตลอดเวลา เมื่อร่างกายเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง ด้วยกลไกภายในจะทำให้ร่างกายเตรียมความพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น อาการอ่อนเพลียจึงเกิดขึ้นได้เสมอ คุณผู้หญิงจะรู้สึกเมื่อยอย่างบอกไม่ถูก อาจจะนอนมากกว่าปกติ 3. อาการเวียนหัว อาเจียน สังเกตอาการตัวเองได้ง่ายมากจากการรับประทานอาหาร ฮอร์โมนในร่างกายจะมีการเปลี่ยนแปลงเหมือนจะรับรู้ว่ามีอีกหนึ่งชีวิตที่กำลังจะเกิดใหม่ หรือที่เรียกว่าอาการแพ้ท้องนั่นเอง นอกจากร่างกายจะอ่อนเพลียแล้ว ช่วงนี้ก็ยังสามารถเวียนหัวและเป็นลมได้ง่าย เกิดอาการอาเจียนบ่อย 4.
น้ำหนักตัวลด ทุกอย่างในร่างกายเริ่มเปลี่ยนแปลงแม้กระทั่งน้ำหนัก ทั้งนี้อาจจะเป็นผลมาจากอาการแพ้ เพราะว่าช่วงเวลาที่แพ้นั้น คุณผู้หญิงจะรับประทานอาหารไม่ค่อยได้มากนัก เหม็นบ้าง กินแล้วจาเจียนออกหมดบ้าง หรือบางคนแม้กระทั่งน้ำเปล่าก็ไม่สามารถดื่มได้ ช่วงนี้จึงเป็นช่วงเวลาที่ต้องดูแลตัวเองมากที่สุด 5. หงุดหงิดง่าย โมโหง่าย อารมณ์ร้อน ฮอร์โมนในร่างกายของผู้หญิงจะเปลี่ยนแปลงไปจะเกิดอากาคล้ายๆ กับตอนที่กำลังจะมีประจำเดือน จะรู้สึกว่าทุกอย่างไม่ดี หงุดหงิดบ่อยๆ โกรธแบบไม่มีที่มา ซึ่งต้องหมั่นตรวจสอบอารมณ์ตัวเองอยู่บ่อยๆ จะได้รู้ว่าตอนนี้คุณกำลังตั้งครรภ์อยู่หรือไม่? รวมไปถึงอาการเจ็บคัดเต้านม หรือมีอาการแน่นหน้าอกร่วมด้วยเหมือนตอนที่กำลังจะมีประจำเดือน 6.