เป็นระบบการผลิตแบบพอเพียง ที่เกษตรกรสามารถเลี้ยงตัวเองได้ในระดับที่ประหยัดก่อน ทั้งนี้ชุมชนต้องมีความสามัคคี ร่วมมือร่วมใจในการช่วยเหลือซึ่งกันและกันทำนองเดียวกับการ "ลงแขก" แบบดั้งเดิม เพื่อลดค่าใช้จ่าย 2. เนื่องจากข้าวเป็นปัจจัยหลักที่ทุกครัวเรือนจะต้องบริโภค ดังนั้น จึงประมาณว่าครอบครัวหนึ่งทำนา 5 ไร่ จะทำให้มีข้าวพอกินตลอดปี โดยไม่ต้องซื้อหาในราคาแพง เพื่อยึดหลักพึ่งตนเองได้อย่างมีอิสรภาพ 3.
ความพอดีด้านจิตใจ ต้องเข็มแข็ง พึ่งตนเองได้ มีจิตสำนึกที่ดี เอื้ออาทร และนึกถึงประโยชน์ส่วนรวม 2. ความพอดีด้านสังคม ต้องช่วยเหลือเกื้อกูลกัน สร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน รู้จักผนึกกำลัง และมีกระบวนการเรียนรู้ที่เกิดจากรากฐานที่มั่นคงและแข็งแรง 3. ความพอดีด้านทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม รู้จักใช้และจัดการอย่างฉลาดรอบคอบ เพื่อให้เกิดความยั่งยืนสูงสุด และใช้ทรัพยากรในประเทศเพื่อพัฒนาประเทศให้มั่นคงอยู่เป็นขั้นเป็นตอนไป 4. ความพอดีด้านเทคโนโลยี รู้จักใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม และสอดคล้องกับความต้องการ และควรพัฒนาเทคโนโลยีจากภูมิปัญญาชาวบ้านของเราเอง เพื่อสอดคล้องและเป็นประโยชน์ต่อสภาพแวดล้อมของเราเอง 5. ความพอดีด้านเศรษฐกิจ เพื่อรายได้ ลดรายจ่าย ดำรงชีวิตอย่างพอควร พออยู่ พอกิน สมควรตามอัตภาพและฐานะของตน การปฏิบัติตนตามแนวทาง เศรษฐกิจพอเพียง 1. ยึดความประหยัด ดังพระราชดำรัสว่า ".... ความเป็นอยู่ที่ต้องไม่ฟุ้งเฟ้อ ต้องประหยัดไปในทางที่ถูกต้อง... " 2. ยึดถือการประกอบอาชีพด้วยความถูกต้อง สุจริต ดังพระราชดำรัสว่า ".... ความเจริญของคนทั้งหลาย ย่อมเกิดมาจากการประพฤติชอบ และการหาเลี้ยงชีพของตนเองเป็นหลักสำคัญ... " 3.
การผลิต การช่วยกันเตรียมดิน เตรียมน้ำ ทำปุ๋ย ปลูกพืชพรรณหรือที่เรียกว่าลงแขกช่วยเหลือกันนั้นเอง 2. การตลาด เตรียมจำหน่ายเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด การแปรรูป รวมกลุ่มกันค้าขายช่วยเหลือแนะนำแนวทาง 3. ความเป็นอยู่ ช่วยกันผลิตหรือจัดหา สิ่งอุปโภค บริโภคต่างๆ เช่น ทำกะปิ ปลาร้า อาหาร เครื่องใช้ เครื่องนุ่งห่มต่างๆ 4. สวัสดิการ การดูแลรักษาเมื่อเจ็บป่วยต่างๆหรือมีกองทุนของกลุ่มเพื่อใช้ในการกู้ยืมทำกิจกรรมต่างๆตามตกลงกัน 5. การศึกษา มีส่วนช่วยในการสนับสนุนส่งเสริมการศึกษาในชุมชน 6.
มีบัญชีอยู่แล้ว? 19 ส. ค. เวลา 23:30 • การเกษตร เกษตร "ทฤษฎีใหม่" เป็นแนวทางหลักการในการบริหารจัดการพื้นที่ ดิน น้ำ เพื่อการเกษตรและการดำรงชีวิต โดยเน้นให้สามารถพึ่งตนเอง พออยู่ พอกิน ส่วนเกินก็สามารถค้าขายได้ เกษตร "ทฤษฎีใหม่" เป็นพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งได้ศึกษาค้นคว้า วิจัยเชิงปฏิบัติ เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาให้เกษตรกรที่ขาดแคลนน้ำ ความเสี่ยงจากราคาพืชผลที่ปลูกเชิงเดี่ยวและปัญหาความอดอยาก ซึ่งได้ดำเนินการวิจัยทดสอบมาตั้งแต่ปี พ. ศ. 2532 ในพื้นที่ส่วนพระองค์จนถึงปี พ.
'ปณิด' รวม 3 ช่องทาง 'หาเงิน' จากการเขียน 'คอนเทนท์' ทั้ง 'นิยาย' 'นิยายแชท' 'บทความ' 'สาระความรู้' ฯลฯ ที่สามารถเปลี่ยนเป็น 'รายได้เสริม' ในยุคโควิด ที่เริ่มต้นได้จากมือถือแค่เครื่องเดียว! ดูทั้งหมด
6 ไร่ ขุดสระกักเก็บน้ำจำนวน 2 สระ สามารถกักเก็บน้ำ ได้รวม 10, 455 ลูกบาศก์เมตร เพียงพอต่อการนำน้ำมาใช้ในการทำการเกษตรได้ทั้งปีแต่การ ผันน้ำมาใช้นั้น ยังคงต้องใช้เครื่องจักรกลในการสูบน้ำมาใช้ ทำให้สูญเสียพลังงานเชื้อเพลิง จำนวนมาก โดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้ง ถ้าสามารถลดการใช้พลังงานลงได้หรือ หาพลังงาน เชื้อเพลิงอื่นทดแทน หรือมีการวางแผนการใช้น้ำ เช่น หากพื้นที่มีระดับที่ต่างกันมาก สามารถวางท่อนำน้ำออกมาใช้โดยไม่ต้องใช้เครื่องสูบน้ำและน้ำมัน เป็นการจัดการทำให้ ต้นทุนการเกษตรลดลงได้ในระยะยาว พื้นที่ส่วนที่สอง 3. 6 ไร่ (30%) ใช้ปลูกข้าว ดำเนินการในปี 2547 เตรียมดิน หว่านกล้าและปักดำโดยใช้ข้าวจ้าวหอมมะลิ 105 จำนวน 40 กิโลกรัม ทำการกำจัดวัชพืชในนาข้าว โดยการถอน ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 16 – 20 – 0 จำนวน 30 กิโลกรัมและปุ๋ยเคมีสูตร 40 – 0 – 0 จำนวน 30 กิโลกรัม พื้นที่ส่วนที่สาม 3. 6 ไร่ (30%) ปลูกพืชแบบผสมผสาน โดยแบ่งพื้นที่ปลูกดังนี้ 1. พื้นที่จำนวน 2 ไร่ ปลูกมะม่วงพันธุ์โชคอนันต์ จำนวน 50 ต้น 2. พื้นที่จำนวน 0. 5 ไร่ ปลูกกล้วยน้ำหว้า จำนวน 60 ต้น 3. 5 ไร่ ปลูกพืชผัก จำนวน 20 แปลง 4. 6 ไร่ ปลูกไม้ใช้สอย อาทิเช่น ต้นสัก จำนวน 30 ต้น ต้นยูคาลิปตัส จำนวน 80 ต้น ต้นไผ่รวก จำนวน 10 ต้น ต้นไผ่ตง จำนวน 5 ต้น ต้นหวาย จำนวน 30 ต้น พื้นที่ส่วนที่สี่ 1.