title อุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ยิ่งอาการฟกช้ำ ปวด บวม บริเวณต่างๆ ของร่างกาย การหกล้ม รวมถึง "ข้อเข่าบวม" ก็เป็นอีกอาการที่พบได้บ่อยไม่ว่าจะวัยเด็ก ผู้ใหญ่ หรือผู้สูงอายุ ซึ่งการลดอาการปวดบวมในเบื้องต้น บางคนอาจเลือกใช้วิธีประคบเย็น บางคนอาจเลือกใช้วิธีประคบร้อน แต่จริง ๆ แล้ว…วิธีไหนคือการลดอาการปวดบวมที่ถูกต้องกันแน่ เรามีคำตอบมาฝากกัน! แยกให้ออก! ประคบเย็น vs ประคบร้อน 1. ประคบเย็น วิธีนี้เป็นการประคบเพื่อช่วยให้เส้นเลือดเกิดการหดตัว ทำให้เลือดออกน้อยลง อาการบวมก็จะค่อยๆ ทุเลา มักใช้การประคบเย็นหลังการบาดเจ็บภายใน 24-48 ชั่วโรงแรก หลักการประคบเย็น คือ ใช้เจลประคบเย็นแบบสำเร็จ, ผ้าห่อน้ำแข็ง หรือถุงพลาสติกขนาดพอเหมาะใส่น้ำเปล่าผสมน้ำแข็ง อาจทำการทดสอบก่อนประคบว่าความเย็นมากหรือน้อยไปหรือไม่ แล้ววางลงบนบริเวณที่มีอาการปวดบวมเป็นเวลาประมาณ 20-30 นาที โดยประคบซ้ำวันละ 2-3 ครั้ง นอกจากอาการเข่าบวม ใครบ้าง? ที่เหมาะกับการประคบเย็น - ผู้ที่มีอาการปวดศีรษะ มีไข้สูง - ผู้ที่มีอาการปวดฟัน - ผู้ที่มีเลือดกำเดาไหล 2. ประคบร้อน เป็นการประคบที่ให้ผลตรงกันข้ามกับการประคบเย็น คือทำให้เส้นเลือดขยายตัว จึงมักประคบร้อนหลังการบาดเจ็บ 48 ชั่วโมงไปแล้ว หลักการประคอบร้อน คือ ใช้เจลสำหรับประคบร้อนแบบสำเร็จ, กระเป๋าน้ำร้อน หรือผ้าขนหนูชุบน้ำร้อน โดยให้อุณหภูมิไม่เกิน 45 องศาเซลเซียส ไม่ควรประคบร้อนเกินไป หรือประคบนานเกินไป และไม่ประคบร้อนหากมีบาดแผลเปิดหรือมีเลือดออก เพราะจะทำให้ยิ่งอักเสบมากขึ้น โดยประคบครั้งละ 15-20 นาที วันละ 2-3 ครั้ง นอกจากอาการเข่าบวม ใครบ้าง?
ไม่ควรประคบร้อน บริเวณที่มีเลือดออก 2. ไม่ควรประคบด้วยความร้อน บริเวณแขน ขา ในผู้ป่วยเบาหวาน เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อ เกิดเป็นแผลติดเชื้อเรื้อรังได้ 3. ผู้ป่วยที่เส้นประสาทอักเสบจาก โรคเบาหวาน หรือภาวะอื่น ๆ รวมไปถึงโรคเรนอด์ (Raynaud Disease) ควรประคบร้อนด้วยความระมัดระวังในบริเวณที่ไร้ความรู้สึก หรือปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้ 4. สำหรับผู้ที่เป็น โรคหัวใจ หรือ ความดันโลหิตสูง ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการบำบัดด้วยความร้อนหรือประคบร้อน ข้อระวังในการประคบเย็น ไม่ควรประคบเย็น กับผู้ที่มีอาการแพ้หรือไวต่อความเย็นมาก เพราะอาจทำให้เกิดผื่น ลมพิษ บวม หรือความดันโลหิตสูงได้ 2. ควรระมัดระวังเป็นพิเศษเมื่อต้องประคบเย็นบริเวณดวงตา เนื่องจากดวงตาอาจได้รับอันตรายจากสารเคมีได้หากผลิตภัณฑ์ประคบเย็นรั่ว 3. ห้ามนอนหลับ ขณะที่ประคบน้ำแข็งอยู่ 4.
การประคบร้อนและประคบเย็นที่ถูกต้อง 1. ประคบร้อน ช่วยให้เส้นเลือดขยายตัว เพิ่มการไหลเวียนของเลือด ซ่อมแซมการบาดเจ็บดีขึ้น บรรเทาอาการปวด เมื่อใดจะต้องประคบร้อน หลังได้รับบาดเจ็บ หรือฟกช้ำ 48-72 ชั่วโมง อาการปวด หรืออักเสบเรื้อรัง ตึงบริเวณข้อ ปวดประจำเดือน ปวดฟัน เต้านมคัด ข้อควรระวัง ผู้ป่วยที่มีภาวะเลือดออกผิดปกติ ความร้อนที่มากเกินไปอาจทำให้เกิดรอยดำไหม้หรือแผลพุพองได้ 2. ประคบเย็น ช่วยให้เส้นเลือดหดตัว ทำให้เลือดออกน้อยลง มีการดูดซึมน้ำกลับเข้าหลอดเลือดช่วยให้ยุบบวม เมื่อใดจะต้องประคบเย็น ข้อเท้าแพลง รอยฟกช้ำ จากการกระแทก ปวด บาดเจ็บ อาการปวดเฉียบพลัน อาการอื่น ๆ เช่น ปวดศีรษะ ไข้สูง เลือดกำเดาไหล แผลจากของมีคม น้ำร้อนลวก ไฟไหม้ที่ไม่รุนแรง ผู้เรียบเรียง วนาพรรณ ชื่นอิ่ม หน่วยสวัสดิการสุขภาพรามาธิบดี คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
มูลนิธิเพื่อการวิจัยและพัฒนาระบบยา. คู่มือตู้ยาโรงเรียนและแนวทางการรักษาโรคที่พบบ่อย. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ: มูลนิธิเพื่อการวิจัยและพัฒนาระบบยา; พ. ศ. 2553. หน้า 99-100. ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต ข้อมูลจาก: Ya & You
นพ. กสิสิน กลั่นกลิ่น
ภูมิแพ้ "ภูมิแพ้" คืออะไร ทำไมหลายคนเป็นแล้วไม่หาย ความดันโลหิตสูง ความโกรธทำให้ความดันขึ้นจริงหรือ? โรคเบาหวาน เบาหวานเป็นโรคของคนอ้วนจริงหรือ? โรคหัวใจ คิดว่าเป็นกรดไหลย้อน ที่ไหนได้เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ